วันพุธที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2554

Introduction

เมื่อมีเพิ่มก็ต้องมีลด เมื่อปลูกก็ต้องมีเวลาเก็บเกี่ยว ลูกหมาที่กระโดดขึ้นลงในห้องนั่งเล่นซักวันก็ต้องแก่ลง หุ้นนที่เราซื้อก็คาดหวังว่ามันจะดีและอยากเห็นราคามันเพิ่มขึ้น การซื้อหุ้นนั้นมีความสุข มันเต็มไปด้วยความหวังที่อย่างยิ่งที่จะเห็นมันเติบโตมากๆ แต่การจะขายหุ้นนั้นยาก มันไม่มีความยิดดีนัก เหมือนขับรถพาหมาแก่ไปให้หมอฉีดยาเพื่อรักษาชีวิต แต่การขายหุ้นเป็นสิ่งจำเป็น

มือใหม่มักไม่รู้ว่าจะขายอย่างไร เวลาไหน แต่มืออาชีพชอบที่จะขายและทำกำไรในเวลาหุ้นขาลง เวลาหุ้นตกลงจะให้เวลาเร็วกว่าที่มันขึ้น ถ้านักลงทุนรู้จักการขายและซ็อตเซล เขาจะมีโอกาสทำกำไรเพิ่มขึ้นได้สองทาง คือขาขึ้นและขาลง ซึ่งเราจะต้องเรียนรู้จักวิธีการขายให้ดีเสียก่อน

ทำไมถึงต้องขาย?
ตลาดหุ้นมีขึ้นมีลง เหมือนเราทีมีการหายใจเข้าออก เราจะอยู่ในตลาดได้เราต้องปรับสภาพให้ได้ตามจังหวะของมัน มือใหม่ทั่วไปถ้ารู้ว่าจะเข้าซื้อหุ้นเมื่อไหร่อย่างไรและรู้จักหวะออกเมื่อได้ ก็จะอยู่เหนือฝูงชนทั่วไป

เราจะซื้อเมื่อเรารู้เห็นแง่ดีของหุ้นตัวนั้น หรือกลัวที่จะพลาดบางสิ่งหรือที่เราเรียกว่าตกรถนั่นเอง บางทีอาจได้อ่านข่าวเกี่ยวกับหุ้นตัวนั้นว่ามีผลิตภัณฑ์ใหม่หรือข่าวลือต่างๆ หรือนักลงทุนทางเทคนิคอาจจะพบรูปแบบที่ดี ทำให้เราทำการสั่งซื้อหุ้นตัวนั้น เมื่อเราเป็นเจ้าของหุ้นแล้วความกดดันหรือตรึงเครียดจากความกลัวจะเริ่มขึ้น

หากราคาหุ้นวิ่งไปในแนวราบหรือไม่ไปไหน เราจะรู้สึกหงุดหงิดว่าเราเลือกหุ้นผิดอีกแล้วหรือ และหากหุ้นตัวอื่นขึ้นเราจะคิดอีกว่าควรจะขายของเราหรือไม่

เวลาหุ้นขึ้นก็อาจจะมีความกังวลเกิดขึ้น เช่น ควรจะทำกำไรไหม ควรจะซื้อเพิ่มไหม หรือไม่ต้องทำอะไร ซึ่งการไม่ทำอะไรเลยจะเป็นสิ่งที่ทำยากที่สุดโดยเฉพาะผู้ชาย เพราะถูกสอนมาตั้งแต่เด็กให้ทำโนน่ทำนี่มากมาย ไม่ให้อยู่เฉยๆ เมื่อหุ้นตกเราจะรู้สึกเจ็บปวด เราจะคิดว่าจะขายเมื่อราคามันกลับขึ้นมา

ในทางจิตวิทยาคนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยสนใจหากราคาหุ้นตัวเองค่อยๆลดลง มันไม่รุนแรงพอที่จะทำให้เรารู้สึกเจ็บปวด และเมื่อราคามันลงมาใกล้ราคาที่เข้าซื้อ เราก็อาจยังไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะขายมัน เรายังคงไม่ทำอะไรหรือหาข้ออ้างต่างๆ ที่จะไม่ทำอะไร มีคนบอกว่า หากเราจับกบไปใส่ในน้ำที่ร้อนมากๆ มันจะกระโดดหนี แต่หากเราค่อยๆเพิ่มอุณหภูมิของน้ำ เราจะสามารถต้มมันได้ทั้งเป็น นักลงทุนส่วนใหญ่ไม่ได้วงแผนในการขายหุ้น จะถือไว้เมื่อเวลาค่อยๆต่ำลง สามารถอดทดต่อความเสียหายได้

ความเครียดจะเป็นศัตรูของการตัดสินใจที่ดี มันจะยากในการตัดสินใจเมื่อเราเข้ามาเป็นส่วนหนึงของตลาด นั่นเป็นเหตุผลที่ก่อนจะซื้อหุ้นเราจึงต้องวางแผนไว้ก่อน ในแผนของเราต้องบอกถึงเหตุผลของการเข้าซื้อหุ้นและประกอบด้วยตัวเลขสามตัวคือ ราคาที่เข้าซื้อ จุดตัดขาดทุน เป้าหมายของกำไร

ทำการตัดสินใจที่จะขายก่อนที่จะซื้อ นี่เป็นกฎอย่างง่ายที่จะทำให้เราใช้สติปัญญาแทนที่เราจะใช้ส่วนอื่นๆ ที่จะทำให้เราถูกต้มเหมือนกบ เราจะต้องเพิ่มกำไรและลดการขาดทุน และปรับปรุงการเทรดของเราโดยการแผนที่จะขายก่อนเราจะซื้อ

ทำไมมีคนทำกันไม่มาก?
มีสองเหตุผลคือ นักลงทุนส่วนมากมักไม่ค่อยคิดแค่อ่านผ่านๆ อีกเหตุผลหนึ่งคือคนส่วนใหญ่ชอบความฝัน การเขียนจุดขายเหมือนกับเป็นการทำลายความฝันที่อยากจะรวยและรู้สึกดีของเขา การเขียนจุดหมายและการวางแผน จะทำให้เราได้กำไรจริงๆได้มากกว่าความฝันกลางวัน